Cloud Storage:คืออะไร ?
Cloud Storage เก็บข้อมูลแบบก้อนเมฆ
Cloud Storage คืออะไร ?
สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้งาน Dropbox มาก่อน Cloud Storage นั้นสามารถเปรียบเสมือนกับที่ฝากไฟล์บนอินเตอร์เน็ตนั่นเอง เเต่มีความเเตกต่างตรงที่ว่าเว็บฝากไฟล์นั้นไม่มีการจับระเบียบไฟล์เป็นหมวดหมู่ที่ดีนัก เเละมีการจำกัดหรือเงื่อนไขในการฝากไฟล์ค่อนข้างมาก รวมไปถึงความยากในการใช้งานที่ต้องเข้าผ่านเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว เเละมีลักษณะที่คงที่ คือไฟล์ไม่สามารถเปลี่ยนเเปลงข้อมูลใดๆ ได้ (ลองนึกถึงไฟล์เอกสาร) ถ้าเราอัพเดทข้อมูลเเล้ว เราต้องทำการอัพไฟล์ใหม่อีกรอบซึ่งต้องเสียเวลาอัพเดทด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
หัวใจของ Cloud Storage คือการ “ซิงค์” ข้อมูลที่เราต้องการ (หรือทั้งหมด) เเละสนับสนุนบนอุปกรณ์หลายชนิดเพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน เนื่องจากปัจจุบันนี้เราไม่ได้ใช้งานอยู่บน PC เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ยังมีทั้งสมาร์ทโฟนเเละเเท็บเล็ตที่มีความสามารถสูงพอที่จะทำงานทดเเทน PC บางอย่างได้ เช่น เเก้ไขไฟล์เอกสารเล็กๆ น้อยๆ หรืออ่าน PDF ดังนั้นลองคิดดูว่าเวลาเรียกใช้ข้อมูลสมัยก่อนนั้นเราต้องทำการก็อปปี้ข้อมูลที่ตรงการลงบนอุปกรณ์เเต่ละชนิด ซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนเเปลงหรืออัพเดทเราต้องทำการก็อปปี้ไฟล์ใหม่ด้วยตัวเอง ซึ่งมีความยุ่งยากเเละน่าเบื่อ เเต่ถ้าเราใช้งานบน Cloud Storage นั้นเมื่อเราเเก้ไขไฟล์ที่อุปกรณ์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเเล้ว ก็จะทำการอัพเดทไฟล์ดังกล่าวไปยัง Cloud Storage โดยอัตโนมัติเพื่อให้อุปกรณ์อื่นๆ ของเราได้รับไฟล์เวอร์ชันล่าสุดเช่นเดียวกัน
เเนะนำความสามารถ Cloud Storage ของเเต่ละเจ้า
Dropbox
Dropbox นั้นถือเป็นผู้นำในตลาดของ Cloud Storage มานาน (ก่อนหน้านี้มี SkyDrive หรือเว็บอื่นๆ ที่มีลักษณะเหมือนการฝากไฟล์อย่างเดียวมากกว่า) โดย Dropbox นั้นถือว่าเป็นบริการที่มีลูกเล่นค่อนข้างมากเเละสนับสนุนเเพลตฟอร์มยอดนิยมไม่ว่าจะเป็น Windows, OSX, Linux, Android, iOS หรือสามารถใช้งานผ่าน Website ได้อย่างสมบูรณ์เเละมีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานได้ง่าน เช่น ลากไฟล์จาก Desktop ผ่านเบราว์เซอร์ก็สามารถอัพโหลดข้อมูลได้เเล้ว ใขขณะที่ผู้ให้บริการบางรายยังต้องใช้ผ่านเมนูอัพโหลดอยู่
ความสามารถของ Dropbox นั้นถึงเเม้จะเป็นฟีเจอร์ต่างๆ ที่เรียบง่าย เเต่พบว่าสามารถใช้งานได้จริงเเละสะดวกในการใช้งาน เช่น Dropbox บนมือถือนั้นจะมีความสามารถรูปถ่ายบนมือถือขึ้น Dropbox โดยอัตโนมัติ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลานำรูปออกจากโทรศัพท์มือถือด้วยตัวเอง หรือจะเป็นฟีเจอร์อย่างการสร้างลิงค์ในไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่กำหนดโดยเฉพาะ เพื่อให้คนสามารถมาดาวโหลดไฟล์ที่เรากำหนดไว้ได้ โดยจะไม่สามารถเห็นไฟล์อื่นๆ ของเรา ส่วนความสามารถพื้นฐานอย่างการเเชร์โฟลเดอร์ การดูรายละเอียดของDropbox ว่ามีการเพิ่มหรือลดไฟล์อะไรไปบ้าง ซึ่งรวมไปถึงการย้อนกลับเมื่อเราลบไฟล์นั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ Dropbox นั้นเป็น Cloud Storage ที่มีฟีเจอร์โดดเด่นเเละใช้งานง่ายที่สุดเจ้าหนึ่งในตอนนี้
ข้อเสียของ Dropbox นั้นคือให้พื้นที่เริ่มต้นมาน้อยที่สุดคือ 2 GB เเต่ว่ามีกิจกรรมที่สามารถเพิ่มพื้นที่ข้อมูลค่อนข้างมาก ซึ่งต้องติดตามข่าวสักนิดหนึ่ง เช่น ใช้ Camera Upload จะสามารถเพิ่มพื้นที่ให้มากสุดถึง 3GBหรือสามารถเเนะนำให้คนอื่นใช้งานจากเเอคเคาท์เราจะได้เพิ่ม 500 MB ต่อคนซึ่งทำได้สูงสุดถึง 16GB ทีเดียว ถ้าทำตามเงื่อนไขทั้งหมดเเล้วจะได้พื้นที่ประมาณ 20 GB ขึ้นไป เเต่ถ้าใครต้องการซื้อพื้นที่เพิ่มนั้นก็สามารถทำได้ เเต่ราคาพื้นที่เพิ่มของ Dropbox นั้นเเพงที่สุดทั้งหมดของผู้ให้บริการ Cloud Storage ด้วยกัน
iCloud
สำหรับ iCloud ก็สามารถถือว่าเป็น Cloud Storage ชนิดหนึ่งได้ เเต่สำหรับ iCloud นั้นหน้าที่หลักเหมือนกับการซิงค์ข้อมูลค่าการตั้งค่าของเเต่ละเเอพมากกว่าการซิงค์ไฟล์ เพราะว่า “ข้อมูล” ที่สามารถซิงค์ผ่าน iCloud ได้มีจำกัด เช่น Email, Contacts, Calendar, Reminders, Bookmarks, Documents, Notes เเละอื่นๆ รวมไปถึงสามารถเเบคอัพการตั้งค่าของ iOS เอาไว้ได้ ทำให้เหมือนกับ OSX หรือ iOS นั้นจะเเบคอัพไฟล์หรือข้อมูลของเราเอาไว้มากกว่าเป็นไฟล์อย่าง Dropbox หรือผู้ให้บริการอื่นๆ ทำให้เวลาการ restore ระบบเมื่อซื้อเครื่องใหม่มาใช้นั้นทำได้สะดวก หรือเรียกดูไฟล์เอกสาร ปฏิทินนัดหมายนั้นเหมือนกันบนทุกอุปกรณ์ซึ่งยังไม่มีผู้ให้บริการ Cloud Storage รายได้ทำได้ เนื่องจากไม่ได้ระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง (ไม่เเน่ว่า Microsoft อาจจะนำไปทำด้วยภายหลัง) จะเห็นว่าจุดประสงค์ของ iCloud นั้นทำมาเพื่อการซิงค์ข้อมูลที่ไม่ใช่ไฟล์มากกว่า ซึ่งเเตกต่างกับ Dropbox, SkyDrive เเละ Google Drive อย่างชัดเจน
ดังนั้นในเรื่องของการเเชร์ไฟล์ iCloud ยังไม่ใช่คำตอบ รวมไปถึงสนับสนุนเฉพาะระบบปฏิบัติการของ Apple อย่าง OSX เเละ iOS ไม่สามารถข้ามไปยังเเพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ สำหรับการซื้อพื้นที่เพิ่มนั้นมีราคาถูกกว่า Dropbox เเต่ก็เเพงกว่าเจ้าอื่นๆ อย่าง Sky Drive เเละ Google Drive
SkyDrive
Microsoft นั้นได้เปิดบริการ SkyDrive มานานเเล้วเเต่มีลักษณะเหมือนกับที่เก็บข้อมูลส่วนตัวมากกว่าการเเชร์ไฟล์ ซึ่งเป็นลักษณะของเว็บฝากไฟล์ในสมัยนั้นก่อนที่จะปรับปรุงมาเมื่อไม่นานมานี้ โดย SkyDriveเวอร์ชันปรับปรุงใหม่เมื่อสมัครจะมีพื้นที่ให้ 7GB ซึ่งมากที่สุดในบรรดาของผู้ให้บริการด้วยกัน นอกจากนี้ผู้ที่ใช้งาน SkyDrive มาก่อนหน้าจะสามารถอัพเกรดเป็น 25GB ได้เหมือนกับ SkyDrive ในสมัยก่อนหน้า ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดของ SkyDrive เหนือคู่เเข่งเจ้าอื่นมากทีเดียว
นอกจากนี้เเล้ว SkyDrive ยังรวมความสามารถในการสร้าง อ่านเเละเเชร์ไฟล์เอกสารจาก Office 365 หรือOffice บนเว็บไซต์ด้วยคือ Word, Excel เเละ PowerPoint โดยการเเชร์ไฟล์นั้น SkyDrive จะเน้นส่งลิงค์ไปทาง Email ซึ่งต่างจาก Dropbox ที่สามารถก็อปปี้ลิงค์ไปวางได้โดยตรง เเละมีการเพิ่ม Client บน Windows, OSX, iOS, Windows Phone เพื่อให้สามารถเข้าถึงไฟล์หรือซิงค์ไฟล์ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าผ่านทางเว็บไซต์อย่างเดียว
Google Drive
บริการน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Google Drive เป็นบริการที่ถูกมาเเทน Google Docs เดิมหรือจะเรียกว่าเป็นการเสริมความสามารถของ Google Docs ที่สามารถเก็บไฟล์เอกสารอย่างเดียว ให้รองรับไฟล์หลายประเภทเเละสามารถใช้งานได้เหมือนกับเป็นเป็น “Harddrive” ลูกหนึ่ง
Google Drive นั้นยังคงมีความสามารถเหมือนกับ Google Docs เดิมคือสามารถเปิดอ่าน เเก้ไข เเละเเชร์ไฟล์เอกสารได้เหมือนเดิม เเละเพิ่มความสามารถในการอัพโหลดไฟล์ชนิดใดก็ได้ขึ้นไป โดยให้พื้นที่ทั้งหมด 5 GB จุดเด่นที่สุดของ Google Drive คือการรวมเข้ากับบริการต่างๆ ของ Google เช่นเราสามารถส่งลิงค์ไฟล์ของGoogle Drive เเทนที่จะต้องเเนบไฟล์ผ่านอีเมล์ หรือเเชร์รูปภาพผ่านบน Google+ ผ่าน Google Drive ได้โดยตรง รวมไปถึงระบบค้นหาไฟล์เเละย้อนเวลากลับไปดูกิจกรรมที่เราทำไว้ในวันก่อนว่ามีการเพิ่ม / ลดไฟล์อะไปบ้างเเละกู้คืนมาได้เหมือนกับ Dropbox เเละในบรรดาผู้ให้บริการทุกเจ้านั้น Microsoft มีราคาต่ำที่สุด ซึ่งในอนาคตนั้นไม่เเน่ว่าอาจจะมีความสามารถในการเเบคอัพค่าต่างๆ ของ Android ลงไปบน Google Driveก็ได้
ยกตัวอย่างโปรแกรมที่ใช้กับ Cloud Storage
มารู้จัก Dropbox กันเถอะ !!
Dropbox เป็นบริการให้พื้นที่แบบออนไลน์ และมีความสามารถใช้ในการแบ่งปันไฟล์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักๆ ของ Dropbox โดย Dropbox นี้จะเหมาะกับผู้ที่ต้องใช้งานเครื่องคอมหลายๆ เครื่อง แต่ต่างสถานที่ และต่างระบบปฏิบัติการ โดยใช้ internet ในการรับฝากไฟล์บนพื้นที่ออนไลน์ เสมอเหมือนว่าเรามี flashdrive onlineสามารถเรียกใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
Dropbox ให้บริการอะไรบ้าง?
อย่างแรกเลย เป็นพื้นที่สาหรับ Drop files โดยให้เราใช้ฟรีๆเลย 2 gb และเพื่อให้เข้าใจง่ายๆเลยว่า Dropbox นั้นก็คือ flashdrive online ของเราดี ๆ นี่เอง เราจะใส่ files อะไรก็ได้ จะเก็บยังไงก็ได้ ขอเพียงเรามี internet เราก็สามารถเข้าถึง ข้อมูลที่เราเก็บไว้ได้และสามารถส่งต่อให้ "ใครบางคน" หรือ "ทุกคน" โดยเลือกให้เขา เข้าถึงเฉพาะ files ที่เราต้องการได้ด้วย ซึ่งการที่เรามี Dropbox แบบนี้ จะสะดวกมากในกรณีทางานกันหลายคน
Dropbox ดีอย่างไร?
ทำให้ตรงกัน (Synchronize)
Dropbox จะทำไฟล์ใน Folder Dropbox ให้ ‘ตรงกันเสมอ’ (Synchronize) โดยมีพื้นที่ฟรีให้มากถึง 2GB และใช้ได้ทั้งบน Windows, Mac, Linux, มือถือ และ Web-based. ไม่ว่าไฟล์ๆ นั้น จะถูกแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อใด Dropbox จะรู้และ Update ให้กับเครื่องอื่นๆ อัตโนมัติทันที
แบ่งปันไฟล์ (File Sharing)
แชร์โฟลเดอร์ต่างๆ ให้กับคนอื่นๆ เพื่อให้ ‘ทำงานร่วมกันได้’ (Collaboration) นอกจากนี้ ยังสร้าง Public Link ให้ผู้ใช้คนอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
การใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น android ios หรือ tablet
เข้าผ่านเว็บไซต์ (
ไฟล์อีกชุดนึง จะเก็บไว้บน Internet เพื่อให้คุณเข้าถึงไฟล์ได้ทุกสถานที่ ที่ Internet สามารถเชื่อมต่อได้ และมีความปลอดภัยสูง
Dropbox ไว้ใช้ทำอะไร
เป็นบริการฝากไฟล์แบบออนไลน์ โดยที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกๆที่ ที่มีการเชื่อต่ออินเทอร์เน็ต ไฟล์ทั้งหมดของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้บน Server Dropbox และเราสามารถเชื่อมต่อกับไฟล์ต่างๆ บน Server ด้วยโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Dropbox ซึ่งมีทั้งในรูปแบบของ windows, MAC, Linux, Apple iOs, Android Os,Blackberry Os ทั้งยังสามารถเข้าผ่าน Browser Website ได้โดยที่ไม่ต้องผ่านแอพพลิเคชั่นอีกด้วย
Dropbox ไว้ใช้ทำอะไร
เป็นบริการฝากไฟล์แบบออนไลน์ โดยที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกๆที่ ที่มีการเชื่อต่ออินเทอร์เน็ต ไฟล์ทั้งหมดของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้บน Server Dropbox และเราสามารถเชื่อมต่อกับไฟล์ต่างๆ บน Server ด้วยโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Dropbox ซึ่งมีทั้งในรูปแบบของ windows, MAC, Linux, Apple iOs, Android Os,Blackberry Os ทั้งยังสามารถเข้าผ่าน Browser Website ได้โดยที่ไม่ต้องผ่านแอพพลิเคชั่นอีกด้วย
อัตราการค่าใช้จ่ายนั้นมีดังนี้ ขนาดเนื้อที่ 2GB Basic Free อันนี้เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่อยากเสียตังค์
และหากใครที่ไม่พอใจก็สามารถจ่ายเงินเพื่ออัพเกรดกันได้
http://www.plan.doae.go.th/project/narrowcorner/userfiles/Dropbox.pdf
www.malangtub.com/2012/04/05/dropbox-วิธีการใช้งานขั้นเทพ/
Youtube http://www.youtube.com/watch?v=CjN-g-6D-4M
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น